[GOT7-FIC] DID #DIDBnior #Bnyoung #Bnior #บีเนียร์ #บีนยอง
ไหนบอกไม่อ่อย ไม่ได้ตอบสักหน่อยว่าไม่.. แล้วไหนบอกไม่ชอบผู้ชาย? ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าไม่ชอบพี่ เด็กม.ปลายข้างบ้านที่มีสองบุคลิก กับ ผู้ชายซื่อๆ ที่ทำทุกอย่างตามหัวใจ
ผู้เข้าชมรวม
13,863
ผู้เข้าชมเดือนนี้
26
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
โรคหลายบุคลิก คืออะไร?
โรคหลายบุคลิก หรือ Dissociative Identity Disorder (DID) หรือชื่อเก่าคือ Multiple Personality Disorder (MPD) เป็นโรคจิตประเภทหนึ่งที่ตัวผู้ป่วยมีบุคลิกอื่นๆ มากกว่า 2 บุคลิกขึ้นไป ผลัดเปลี่ยนกันออกมาใช้ชีวิต และแสดงพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากบุคลิกเดิมออกมา
โรคหลายบุคลิก มีสาเหตุมาจากอะไร?
สาเหตุของโรคหลายบุคลิกอาจเกิดจากสภาวะทางจิตใจของผู้ป่วยที่ถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักตั้งแต่สมัยวัยเด็ก โดยผ่านการกระทำอันรุนแรงทั้งทางกาย และทางจิตใจ เช่น อาจเคยโดนทารุณกรรม กระทำชำเราจากผู้ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่จำความได้ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการทางจิตที่เต็มไปด้วยความเศร้า ความกลัว หวาดระแวง ความหดหู่ทางจิตใจ การปรับเปลี่ยนทางอารมณ์ต่างๆ จนทำให้จิตใต้สำนึกสร้างบุคลิกอื่นๆ ขึ้นมาเพื่อแสดงออกในสิ่งที่บุคลิกหลัก หรือบุคลิกเดิมไม่สามารถทำได้ โดยบุคลิกต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาอาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้ป่วย
INTRO
“หมู่บ้านของเราเป็นหมู่บ้านที่มีสาธารณูปโภคครบครันครับ
ไม่ว่าจะเป็นสปอร์ตคลับ สวนสาธารณะ และ........”
เสียงเซลล์ขายบ้านเจื้อยแจ้วเป็นนกขุนทองขณะที่อิมแจบอมกำลังเดินทอดน่องดูบ้านหลังแรกในชีวิตที่เขาเก็บเงินซื้อเป็นของตัวเองได้ในวัยสามสิบปี...ไม่มากไม่น้อยไปสำหรับคนที่กำลังจะวางแผนมีครอบครัว
ตอนนี้ก็มีบ้านมีรถแล้ว.....เหลือแต่หาเมีย
ความคิดที่ริอ่านจะสร้างครอบครัวของผู้ชายหน้าตาดีมีฐานะปานกลางค่อนข้างจะแปลกไปสักหน่อยสำหรับสังคมที่ผู้ชายที่มีเพียบพร้อมขนาดนี้ควรที่จะ
“มีเมียก่อนมีบ้าน”
แต่แจบอมกลับทำงานหนักและซื้อบ้านซื้อรถก่อนที่จะหาเมียเป็นของตัวเอง
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“โอ้ยยยยยย
ตกใจหมด!!!” เสียงแหวของเซลล์ขายบ้านตัวเล็กดังมาจากหน้าบ้านจนแจบอมต้องถอนสายตาจากเฟอร์นิเจอร์ที่ยังไม่ได้แกะพาสติกออกแล้วหันไปดู
เด็กตัวเล็กผิวขาวเบรกจักรยานจนตัวโก่ง
ขณะที่เซลล์ขายบ้านของเขายืนเอามือทาบอกตัวเองอย่างมีจริต
“พี่จงแด
มีคนมาซื้อบ้านแล้วหรอ?” เสียงน่ารักถามเซลล์ขายบ้านพลางหันมามองแจบอม
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสดใสเหมือนเช้าของฤดูร้อน
เล่นเอาคนมองอยู่ถึงกับอ้าปากค้าง....คำว่าน่ารักวนเวียนอยู่ในหัวเต็มไปหมด
“เอ่อ....”
“ผมอยู่ข้างบ้านพี่อ่ะ
ชื่อจินยองนะ”
“ครับ....”
“เจอกันฮะ!”
แจบอมมองตามจักรยานสีแดงไปจนกระทั่งเลี้ยวหายไปจากสายตา
เขาไม่ได้ยินอะไรอีกเลย เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน....
“ถ้ารำคาญจะย้ายไปหลังอื่นก็ได้นะครับ
บางคนก็ไม่ชอบอยู่ใกล้บ้านที่มีเด็กวัยรุ่น”
“ไม่เป็นไรครับ
ผมเอาหลังนี้....ว่าแต่น้องเค้าอายุเท่าไหร่?”
“น้องจินยองหรอครับ
สิบเจ็ดมั้ง เห็นยังใช้ชุดม.ปลายอยู่เลย น่ารักนะครับเป็นเด็กสดใส
น่าสงสารตรงที่อยู่คนเดียวนี่แหละ”
“ครับ? อยู่คนเดียว?”
“ครับ
พ่อแม่เค้าเสียไปหมดแล้ว
ก่อนหน้านี้คุณอาจจะได้เยินเรื่องข่าวเครื่องบินตกเมื่อสี่ปีก่อน
คุณพ่อคุณแม่น้องเขาเสียตอนนั้นแหละ
ตอนแรกก็คิดว่าญาติจะพาตัวไปอยู่ด้วยแต่เหมือนน้องเขาไม่ยอมเพราะนี่ก็บ้านหลังแรกที่พ่อแม่เค้าซื้อไว้
จินยองก็เลยอยู่คนเดียวโดยมีเงินประกันของพ่อแม่ที่คงใช้ไปตลอดชีวิตก็คงไม่หมด...”
“มีเงินเยอะแค่ไหนก็คงไม่มีใครอยากอยู่คนเดียวหรอกครับ...”
“นั่นสิครับ
ผมก็ไม่รู้น้องเค้าอยู่ได้ไงคนเดียว...ญาติก็มาหาบ้างนะครับนานๆ ที”
แจบอมเม้มปากแล้วคิด
เขารู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องเด็กข้างบ้านจนหลังจากที่ทำสัญญาซื้อขายเสร็จก็เดินออกมาชะเง้อมองบ้านข้างๆ
จักรยานสีแดงจอดเอาไว้ที่โรงรถ
อยากคุยด้วย...
อยู่ๆความคิดที่อยากคุยกับเด็กคนนั้นก็ผุดขึ้นมาในสมอง
ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน ทั้งที่เจอกันครั้งแรก
แต่แจบอมกลับรู้สึกอยากคุยกับจินยองอีก...
“พี่มีไรปะครับ?...”
แจบอมสะดุ้งสุดตัวขณะที่ชะเง้อมองบ้านข้างๆ
แต่คนที่อยู่ในความคิดกลับยืนอยู่ริมรั้วและถือถุงใส่อาหารอยู่ เต็มสองมือ
“เอ่อะ...”
มองเรียวขาเล็กที่โผล่ออกมาจากกางเกงขาสั้นสีขาวแล้วใจมันเต้นไม่มีสาเหตุ
“คือ
แค่จะถาม....ว่า เอ่อ วาวน้ำ...เอ วาวน้ำอยู่ตรงไหน”
“อ๋อ แปบนะพี่
ผมเอากับข้าวไปเก็บแปบ”
เด็กชายตัวสูงแค่อกเดินกลับเข้าไปในบ้านก่อนจะถอดรองเท้าแตะทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า
น่ารักยันรองเท้าแตะ.....สงสัยกูจะบ้าแล้ว
แจบอมเงยหน้าขึ้นสะบัดหัวแรงๆ
แอบมองรองเท้าแตะสีเขียวแล้วก็คิดว่ามันน่ารักทั้งที่มันคือรองเท้าแตะธรรมดา....
“มาแล้วๆ
พี่เปิดประตูหน่อยสิ หรือให้ผมปีนเข้าไปอ่ะ?” เสียงจินยองบอกพร้อมกับสีหน้าขี้เล่น
“เอ่อแปบ”
แจบอมเดินไปเปิดประตูรั้วก่อนจะอัญเชิญเด็กตัวเล็กเข้ามาในบ้านตัวเอง
ระหว่างที่จินยองเดินผ่านไป..ชายวัยสามสิบก็ได้กลิ่นเหมือน....ดอกไม้ติดตัวอีกฝ่ายมาด้วย
“น้ำหอมหรอ?” อยู่ๆ ก็ถามขึ้นมาทั้งที่จินยองกำลังจะเดินไปหาวาวน้ำให้
เด็กชายตัวผอมหันมายิ้ม รอยยิ้มแบบที่ทำเอาคนมองหัวใจเต้นรัวซ้ำๆซากๆ
จนแอบคิดไม่ได้ว่าตัวเองมีอาการผิดปกติอะไรรึเปล่า
“ไม่ใช่ครับ
ถ้ากลิ่นดอกไม้นั่นติดมาเพราะร้านดอกไม้หน้าหมูบ้าน พี่ได้สังเกตป่าว? ไปอุดหนุนด้วยนะครับ ผมช่วยงานอยู่ร้านนั้น”
คำพูดแสนจะเป็นกันเองบวกกับรอยยิ้มที่ไม่เคยจางหาย
จินยองยิ้มเก่งมาก...มากเสียจนคนมองแอบคิดไม่ได้ว่ากำลังโดนอ่อยอยู่รึเปล่า
“อันนี้อ่อยปะเนี้ย....”
แจบอมถามออกมาตรงๆ ประสบการณ์กว่า 15
ปีที่โดนผู้หญิงอ่อยโดนตุ๊ดอ่อยมีมาแทบจะตลอดชีวิต
จินยองมองหน้าเขาแล้วเอียงคอมองอย่างมึนงงกับคำถาม
เด็กตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีแรดหรืออ่อยหรอก เขาต่างหากที่คิดไปเอง
“เอ่อ โทษ
คือพี่แค่...” แจบอมรีบแก้ตัว
“พี่ชอบผมหรอ?”
“ปะ....ปล้าววววว”
“ดีแล้วครับ
ผมชอบผู้หญิง” จินยองตอบพลางขำออกมา แต่คนฟังไม่ได้ขำด้วย
เพล้งงงงงงงงงงงงง!!!!!
ได้ยินเหมือนเสียงคนหน้าแตกเป็นเสี่ยง
“อ้อ
พี่ก็ชอบผู้หญิง...มะ เหมือนกัน”
“วาวน้ำอยู่มุมนี้ครับ
จริงๆเวลาพี่ไม่อยู่บ้านก็หมุนปิดหน่อยเพราะว่าถ้ามีน้ำรั่วในบ้านเราก็ไม่รู้
ที่นี่วาวท่อฝังกับผนังหมดเลย”
จินยองอธิบายอย่างไม่ได้สนใจเลยว่าอีกคนที่กำลังเดินตามมามีสีหน้าแบบไหน
ทำไมรู้สึกเหมือนถูกหักอกวะ.......ทำไมต้องนอยด์อ่ะ
“ปกติไปโรงเรียนยังไงหรอ?” แจบอมถามออกมาเมื่อเดินมาส่งเด็กข้างบ้าน
“ก็ขี่จักรยานไปหน้าปากซอยแล้วก็รถเมล์”
“เรียนที่ไหนหรอ?”
“มัธยมSครับ ตรงใกล้ๆ ตึกโซลเทเลคอม”
“อ่าพี่ทำงานตึกนั้น
ยังไงตอนเช้า...ติดรถพี่ไปโรงเรียนก็ได้นะ”
จินยองสบตาอีกฝ่ายแล้วยิ้ม
ขณะที่คนชวนตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แค่เอ็นดูเฉยๆ
แต่พอก้มลงมาแล้วเห็นจินยองยิ้มอยู่ก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา
“อันนี้พี่อ่อยปะเนี้ย....”
คำพูดเดียวกันกับที่แจบอมพูดไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนถูกตอกกลับจนร่างสูงยืนอ้าปากหวอ
จินยองหมุนตัวเดินเข้าไปบ้านไป
ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มที่สร้างความอับอายให้คนที่โตกว่าเป็นรอบไว้เบื้องหลัง
#DIDBnior
ผลงานอื่นๆ ของ LilyHZT ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ LilyHZT
ความคิดเห็น